
เคยเขียนถึง "ทฤษฎี" การเล่นลูกขอบกรีนข้างกรีนไว้ว่า ตอนยืนวางแผนเพื่อตัดสินใจว่าจะเล่นแบบไหน ใช้เหล็กอะไร ให้ยึดหลักการเล่นจากง่ายที่สุดไปหายากที่สุด กล่าวคือ 1 ถ้าพัตได้ให้ใช้พัตเตอร์2 ถ้าพิจารณาเห็นว่าพัตไม่ได้ หรือถ้าใช้พัตเตอร์ผลงานอาจออกมาไม่ดี คาดการณ์ยาก เพราะจากลูกถึงขอบกรีนมีหญ้ายาวขวางเส้นทางพัต หรือพื้นแฉะ หรือพื้นขรุขระตะปุ่มตะป่ำ แบบนี้ต้องเล่นด้วยการชิพ3 ถ้าชิพไม่ได้ ทางเลือกสุดท้ายคือพิตช์ซึ่งเป็นการเล่นที่ยากกว่าชิพพูดถึงการเล่นลูกข้างกรีนด้วยการชิพ ครูกอล์ฟให้ยึดหลักการสำคัญ 2 อย่างในชอตเดียวกันคือ ก.เล่นด้วยเหล็กองศาหน้าชันที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะชิพโดนเนื้อๆ ง่ายกว่าเหล็กองศาหน้าหงายข.จุดที่ลูกตกครั้งแรกบนพื้นต้องตกบนกรีน เหตุที่ต้องเลือกตกบนกรีนเพราะพื้นผิวกรีนเป็นส่วนที่ราบเรียบที่สุดของสนามกอล์ฟ เวลา ลูกตกบนกรีนทำให้เราสามารถ คาดการณ์ได้ว่าลูกจะวิ่งมากน้อยขนาดไหน ตกแล้วพลิกซ้ายหรือพลิกขวาเท่าใด ถ้าตกนอกกรีนพื้นไม่เรียบ พื้นนุ่มแข็งไม่เท่ากัน หญ้ายาวบ้าง สั้นบ้าง เราไม่สามารถกะหรือคาดการณ์น้ำหนักและทิศทางได้นี่เองครูกอล์ฟจึงย้ำว่า เวลา ชิพต้องใช้เหล็กหน้าตั้งและจุดตกต้องอยู่บนกรีนแต่ปัญหามีอยู่ว่า บางทีเงื่อนไข 2 อย่างมันไม่ไปด้วยกันเช่น ตำแหน่งของลูกอยู่ไกล ขอบกรีน ถ้าใช้เหล็กองศาหน้าตั้ง จุดตกต้องตกนอกกรีน เพราะถ้าตกในกรีนลูกจะวิ่งเลยธงไปไกลถ้าจะให้ลูกตกในกรีนแล้วลูกวิ่ง ไม่เลยธงไปไกล ต้องใช้เหล็กองศาหน้าหงายแบบนี้จะยึดหลักข้อไหนเป็นหัวใจในการชิพจุดตกบนกรีน หรือเหล็กองศาหน้าตั้งต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งคำตอบคือ เลือกแบบที่เราสามารถคาดการณ์ได้ เราสามารถควบคุมผลงานได้ทั้งหมดหรือ เกือบทั้งหมด คือเลือกให้ลูกตก บนกรีนเพราะถ้าเลือกเหล็กองศาหน้าตั้งซึ่งเล่นง่ายกว่า ถ้าจุดตกเป็นพื้นแฟร์เวย์ที่ไม่เรียบ เราต้องฝากชีวิตไว้กับการแฉลบการกระดอนและการวิ่งของลูกที่เราคาดเดาไม่ได้เวลาผิดพลาดแล้วมันทั้งเสียดายทั้งเจ็บใจครับ